วิเคราะห์บอลยูโร ประจำวันที่ 11 กรกฎาคม 2564

ผลบอลยูโร 2021 รอบชิง

อิตาลี vs อังกฤษ

ผลบอลยูโร 2021 รอบชิง

สนามแข่งขัน : เวมบลีย์, กรุงลอนดอน อิตาลี

เวลา : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

ถ่ายทอดสด : NBT 2HD | True Sports HD3

ผลงานในศึกยูโร 2020

ทีมชาติอิตาลี

รอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ ตุรกี 3-0, ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0, ชนะ เวลส์ 1-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ ออสเตรีย 2-1 (ต่อเวลาพิเศษ)
รอบ   8 ทีมสุดท้าย : ชนะ เบลเยียม 2-1
รอบรองชนะเลิศ : ชนะดวลจุดโทษ สเปน 4-2 (เสมอ 1-1 ใน 120 นาที)

ทีมชาติอังกฤษ

รอบแบ่งกลุ่ม : ชนะ โครเอเชีย 1-0, เสมอ สกอตแลนด์ 0-0, ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 1-0
รอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ เยอรมนี 2-0
รอบ   8  ทีมสุดท้าย : ชนะ ยูเครน 4-0
รอบรองชนะเลิศ : ชนะ เดนมาร์ก 2-1 (ต่อเวลาพิเศษ)

สถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุด

อิตาลี 2 | เสมอ 1 | อังกฤษ 2
24/06/12 : อังกฤษ 0-0 อิตาลี (ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมป์เปี้ยนชิพ)
15/08/12 : อังกฤษ 2-1 อิตาลี (กระชับมิตรทีมชาติ)
14/06/14 : อังกฤษ 1-2 อิตาลี (ฟุตบอลโลก)
31/03/15 : อิตาลี 1-1 อังกฤษ (กระชับมิตรทีมชาติ)
27/03/18 : อังกฤษ 1-1 อิตาลี (กระชับมิตรทีมชาติ)

วิเคราะห์ภาพรวมของทีม

ผลบอลยูโร 2021 รอบชิง

อิตาลี –  โรแบร์โต้ มันชินี่

ดาวซัลโวประจำทีม : เฟเดริโก้ เคียซ่า 2 ประตู, ชิโร่ อิมโมบิเล่ 2 ประตู, ลอเรนโซ่ อินซินเย่ 2 ประตู, มานูเอล โลคาเตลลี่ 2 ประตู, มัตเตโอ เปสซิน่า 2 ประตู
ดาวแอสซิสต์ประจำทีม : โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ 2 ครั้ง, เลโอนาร์โด้ สปินัซโซล่า 2 ครั้ง, มาร์โก แวร์รัตติ 2 ครั้ง

อิตาลีได้เข้ารอบชิงชนะเลิศมาแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้ แต่ต้องผิดหวังโดยในปี 2000 แพ้ฝรั่งเศส 1-2 ในช่วงต่อเวลาจากประตูโกลเด้นโกลของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ ส่วนปี 2012 แพ้เละเทะให้กับทีมชาติสเปนถึง 0 – 4 ทำให้นัดนี้ โรแบร์โต้ มันชินี่ ต้องติวเข้มลูกทีมแบบเน้นๆ และจัดหนักจัดเต็มผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามอย่างแน่นอน

จุดเด่นของอิตาลีชุดนี้ที่เห็นได้ชัดคือไม่ได้ฝากความหวังไว้กับนักเตะคนใดคนหนึ่ง แต่เล่นกันอย่างเป็นทีมเป็นระบบ มีตัวทำประตูหลากหลายทั้งอิมโมบิเล่ อินซินเญ่ เคียร์ซ่า และแม้แต่ เปสซิน่า ก็ยังมีชื่อเป็นดาวซัลโวประจำทีม

รวมไปถึงผู้เล่นในตำแหน่งสร้างสรรค์เกมก็มีหลายคนที่สร้างแอสซิสต์ได้งามๆ ทำให้อิตาลีชุดนี้เป็นทีมที่จับทางยาก และตามประกบตัวยากที่สุดในทัวร์นาเมนต์

โดยผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนามได้แก่ จิอันลุยจิ ดอนนารุมมา นายทวารจอมหนึบลงเผ้าประตู แผงกองหลังยังโหดหินเหมือนเดิมทั้ง โจวานนี ดิ ลอเรนโซ่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, เลโอนาร์โด โบนุชชี่ และ เอเมอร์สัน พัลเมรี่

แดนกลาง 3 คน นิโคโล บาเรลล่า, จอร์จินโญ และ มาร์โก แวร์รัตติ และสามประสานแนวรุกอยู่กันครบทั้ง ชิโร อิมโมบิเล่ เป็นตัวจบสกอร์ ส่วนริมเส้นซ้ายขวาเป็ฯ เฟเดริโก เคียซ่า กับ ลอเรนโซ อินซินเญ่ นั้นเอง

แนวทางการเล่นของอิตาลีชุดนี้ยังคงใช้ระบบเข้ากดดันคู่แข่งเร็วตั้งแต่แนนกลาง และเน้นเกมรุกเป็นหลัก ทุกครั้งที่ได้บอลจะพยายามลำเลียงลูกบุกเข้าใส่คู่แข่งอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งในเกมที่นำคู่แข่งอย่างขาดลอยแล้วก็ตาม ทำให้เป็นทีมที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับคู่แข่งเป็นอย่างมาก เพราะต้องใช้พลังงานสูงในการรับมือกับเกมรุกของอิตาลี

อังกฤษ –  เกเร็ธ เซาต์เกต  

ดาวซัลโวประจำทีม : แฮร์รี่ เคน 4 ประตู, ราฮีม สเตอร์ลิง 3 ประตู
ดาวแอสซิสต์ประจำทีม : ลุค ชอว์ 3 ครั้ง, แจ็ค กรีลิช 2 ครั้ง

จุดเด่นด้านเกมรับของทีมชาติอังกฤษในศึกยูโรหนนี้ เป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงเยอะมาก ด้วยการไม่เสีย ประตูเลยใน 5 นัดแรก และตลอดทั้งการแข่งขันเพิ่งเสียเพียงประตูเดียวในนัดที่เจอกับเดนมาร์กเท่านั้นเอง

การได้เล่นในเวมบลีย์ที่มีเสียงเชียร์ของเหล่าแฟนบอลดังกระหึ่ม ยิ่งทำให้สภาพจิตใจและความฮึกเหิม น่าจะเหนือกว่าอิตาลีอยู่เล็กน้อย เพราะทั้งตัวนักเตะเองและผู้จัดการทีม เพิ่มดีกรีความมุ่งมั่นในการคว้าถ้วย  แชมป์ยุโรปมาครองต่อหน้าแฟนบอลให้ได้

โดยในเกมส์นี้ผู้เล่นที่คาดว่าจะได้ลงสนามได้แก่ จอร์แดน พิคฟอร์ด เจ้าของรางวัลถุงมือทองคำในศึกยู         โรครั้งนี้ ลงเฝ้าประตูแน่นอน กองหลังสี่คนชุดหลัก ไคล์ วอลเกอร์, จอห์น สโตนส์, ลุค ชอว์ และ แฮร์รี แม็คไกวร์

แผงมิดฟิลด์มี ดีแคลน ไรซ์ ประสานงานกับ คัลวิน ฟิลลิปส์ โดยมี จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เป็นตัวสอดแทรก ที่อาจจะได้ลงสนามเช่นกัน เกมรุกใช้ บูกาโย ซากา, เมสัน เมาท์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง โดยมี แฮร์รี เคน ที่กำลังลุ้นตำแหน่งดาวซัลโว ลงเป็นเพชรฆาตสังหารประตู

รูปเกมของทีมชาติอังกฤษชุดนี้เน้นการตั้งรับเหนียวแน่น จะไม่ดันเกมขึ้นสูงมากนักหากไม่มีจังหวะที่ชัวร์จริงๆ แม้จะเป็นช่วงจังหวะในการทำเกมบุกอยู่ก็ตาม แต่เราจะไม่มีโอกาสเห็นกองหลังของทีมชาติอังกฤษยืน ลอนยสูงเลยยกเว้นการขึ้นไปรอโขกทำประตูจากลูกเตะมุม

ส่วนในเกมรุกจะใช้การจ่ายบอลออกข้างทางริมเส้นซ้ายขวา ด้วยการวางบอลอย่างแม่นยำจากแผง มิดฟิลด์ แล้วให้ สเตอร์ลิ่ง กับซาก้า ทำหน้าที่เป็นตัวทะลุทะลวงเพื่อหาจังหวะจะผ่านบอลให้ แฮรี่ เคน จบสกอร์

รูปเกมและผลการแข่งขันที่คาด

ฟุตบอลนัดเดียวในรอบชิงชนะเลิศแบบไม่ต้องมีใครกลัวใคร นัดนี้ทั้งสองทีมจะต้องวางแท็กติกที่ตนเองถนัดลงสนามตั้งแต่นาทีแรก ดังนั้นน่าจะได้เห็นอิตาลีเป็นฝ่ายไล่กดดันเร็วในแดนกลางเพื่อพยายามเอาบอลมาครอง และทำเกมรุก สวนอังกฤษจะเน้นการตั้งรับเหนียวแน่นและเมื่อได้บอลจะทำการโจมตีเร็วจากริมเส้นทั้ง 2 ด้าน

สภาพความพร้อมของทีมไม่มีนักเตะบาดเจ็บทั้งคู่ มีผลงานยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งสองทีม ทำให้เกมนี้น่าจะโต้ตอบรุกรับกันอย่างสนุกตลอดทั้งเกม แต่ทีมสิงโตคำรามได้เปรียบจากเสียงเชียร์เล็กน้อย อาจจะมีส่วนให้งัดฟอร์มเก่งออกมาได้มากกว่าปกติ

อิตาลีใช้ มาร์โก แวร์รัตติ กับ จอร์จินโญ่ ร่วมกันบัญชาการในแดนกลาง น่าจะต้องปะทะกับ ดีแคลน ไรซ์ และ คาลวิน ฟิลลิปตลอดทั้งเกม ซึ่งหากดูชื่อชั้นแล้ว ทางฝั่งอิตาลีดูเหนือกว่าในแผงมิดฟิลด์พอสมควร น่าจะมีโอกาสเป็นฝ่ายครองบอลได้มากกว่า

แล้วให้เรากองหน้าทั้ง เคียร์ซ่า และ อินซินเญ่ ขึ้นเกมรุกทางซ้ายขวาเพื่อหาจังหวะทำประตูเองหรืออาจจะผ่านบอลให้อิมโมบิเล่ เป็นผู้จบสกอร์ก็ได้

ทางด้านอังกฤษจะประมาทไม่ได้ในจังหวะแทงทะลุช่อง โดยเฉพาะหาก จอร์แดน แฮนเดอร์สัน ได้ลงสนาม การวางบอลออกปีกซ้ายขวาจะทำได้อย่างแม่นยำมาก แล้วอาศัยความเร็วที่ยากตามทันของ ซาก้า กับ สเตอร์ลิ่ง พาบอลเข้าไปป้วนเปี้ยนบริเวณปากประตูของอิตาลี ซึ่งต้องดูว่าจะสามารถผ่านเซนเตอร์ ตัวเก๋าอย่าง คิเอลลินี่ เข้าไปได้หรือไม่

ด้วยมาตรฐานการเล่นที่กำลังฟอร์มร้อนแรงใกล้เคียงกัน และฝีเท้าของนักเตะที่ไม่หนีกันมากนัก คาดว่าภายในเวลา 90 นาทีจะไม่สามารถตัดสินผลการแข่งขันได้ น่าจะต้องยืดเยื้อถึง 120 นาทีหรืออาจจะถึงขั้นดวลจุดโทษก็เป็นได้

สกอร์การแข่งขันที่คาด : เสมอ 1 – 1

อ่านข้อมูลวิเคราะห์บอลยูโรวันนี้ ได้ที่ วิเคราะห์บอลยูโร2020

ข่าวฟุตบอลยูโร 2020 ที่เกี่ยวข้อง

?>