เวลส์ vs เดนมาร์ก
สนามแข่งขัน : อัมสเตอร์ดัมอาเรนา, กรุงอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
เวลา : 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ถ่ายทอดสด : NBT 2HD | True Sports HD3
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
ทีมชาติเวลส์
20/06/21 : 0-1 อิตาลี (ยูโร 2020)
16/06/21 : 2-0 ตุรกี (ยูโร 2020)
12/06/21 : 1-1 สวิตเซอร์แลนด์ (ยูโร 2020)
05/06/21 : 0-0 แอลเบเนีย (กระชับมิตรทีมชาติ)
02/06/21 : 0-3 ฝรั่งเศส (กระชับมิตรทีมชาติ)
ทีมชาติเดนมาร์ก
21/06/21 : 4-1 รัสเซีย (ยูโร 2020)
17/06/21 : 2-1 เบลเยียม (ยูโร 2020)
12/06/21 : 0-1 ฟินแลนด์ (ยูโร 2020)
06/06/21 : 2-0 บอสเนียฯ (กระชับมิตรทีมชาติ)
02/06/21 : 1-1 เยอรมัน (กระชับมิตรทีมชาติ)
สถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุด
เวลส์ 2 | เสมอ 0 | เดนมาร์ก 3
10/10/98 : เดนมาร์ก 1-2 เวลส์ (ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนส์ชิพ)
09/06/99 : เวลส์ 0-2 เดนมาร์ก (ยูฟ่า ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนส์ชิพ)
19/11/08 : เดนมาร์ก 0-1 เวลส์ (กระชับมิตรทีมชาติ)
09/09/18 : เดนมาร์ก 2-0 เวลส์ (ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก)
16/11/18 : เวลส์ 1-2 เดนมาร์ก (ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก)
วิเคราะห์ภาพรวมของทีม
เวลส์ – โรเบิร์ต เพจ
ในด้านตัวผู้เล่นจะขาด อีธาน แอมพาดู ที่โดนใบแดงในเกมล่าสุดไม่สามารถลงสนามได้ ส่วนตำแหน่งอื่นอยู่กันครบและต้องจัดชุดใหญ่ลงบู๊สู้กับทีมโคนมอย่างแน่นอน โดยนักเตะที่คาดว่าจะได้ลงสนามได้แก่ แกเร็ธ เบล ทำเกมรุกคนละฝั่งกับ แดเนียล เจมส์ ประสานงานกับ แอรอน แรมซี่ย์ ที่ขึ้นไปยืนหน้าเป้า
แผงมิดฟิลด์ โจ อัลเลน, เนโก วิลเลียมส์, คอนนอร์ โรเบิร์ตส์ และ โจ มอร์เรลล์ ยืนตามตำแหน่ง และปราการหลังตัวหลัก คริส กันเทอร์ ยืนคู่กับ โจ โรดอน โดยมี แดนนี่ วอร์ด เป็นปราการด่านสุดท้าย ทีมชาติเวลส์ชุดนี้มีดีตรงการเข้าทำเกมรุกเร็ว โดยเฉพาะปีกจรวดอย่าง แกเร็ธ เบลล์ ที่พร้อมจะฉีกกระชากแนวรับฝั่งตรงข้ามได้ทุกทีม
แต่การขาดหายไปของ อีธาน แอมพาด จะทำให้ประสิทธิภาพในเกมรุกลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น โรเบิร์ต เพจ น่าจะต้องติวเข้มบรรดามิดฟิลด์ในแดนกลาง ให้พยายามแย่งมาบอกให้ได้เร็วที่สุด เพื่อพยายามส่งบอลให้ แกเร็ธ เบล ไปปั้นเกม
เดนมาร์ก – แคนเปอร์ ยูลแมนด์
สภาพผู้เล่นมีความพร้อมสูงมาก ยกเว้นขาดผู้เล่นตัวหลักอย่าง คริสเตียน อีริคเซ่น จากอาการวูบคาสนามเพียงคนเดียว โดยคาดว่า แคสเปอร์ ชไมเคิล เฝ้าเส้นประตูเช่นเคย แผงหลังเป็น ยานนิค เวสเตอร์ การ์ด, ซิมอน เคียร์ และ อันเดรส คริสเตียนเซน มิดฟิลด์ตัวกลาง โธมัส เดลานีย์ ประสานงานกับ ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์แบร์ก
มี โยอาคิม เมห์เล่ กับ ดาเนียล วาสส์ ทำเกมหน้ากรอบเขตโทษ ให้ มิกเกล ดามส์การ์ด กับ มาร์ติน เบรธเวต ทำเกมประสานงาน ยุสซุฟ โพลเซ่น ศูนย์หน้าตัวเก่งจาก อาร์เบ ไลฟ์ซิก รูปแบบการเล่นของเดนมาร์ก โดยปกติจะเป็นใช้การครองบอลไปตามจังหวะเกม หากมีโอกาสสวยๆ จึงจะขึ้น เกมรุกเพื่อพยายามหาช่องเข้าทำประตู
ซึ่งจะใช้การขึ้นบอลตั้งแต่กองกลางตัวรับ ดังนั้นโค้ชต้องกระตุ้นลูกทีมให้พยายามครองบอลในแดนกลางให้เหนียวแน่นที่สุด เพื่อให้ได้เล่นตามแนวทางที่ถนัด นอกจากนี้ยังต้องแก้ไขอาการแนวรับรั่ว ซึ่งเห็นได้จากผลงานจากรอบแรก ที่เสียประตูได้ทุกนัด ไม่งั้นจะโดนเวลส์ เจาะประตูเอาได้ง่ายๆ
รูปเกมและผลการแข่งขันที่คาด
เกมนี้เป็นการปะทะกันของรูปแบบการเล่นคนละขั้ว โดยเวลส์จะอาศัยการเล่นบอลเร็ว เน้นลำเลียงขึ้นหน้าทางกราบซ้าย-ขวา โดยอาศัยฝีเท้าที่จัดจ้าน นักเตะความเร็วสูง และความสามารถเฉพาะตัวกระชากบอลเข้าสู่เส้นหลัง เพื่อหาจังหวะผ่านบอลไปในกรอบเขตโทษลุ้นทำประตู และยังมีการเติมเกมจากแถวสองพร้อม จังหวะมหัศจรรย์ของ แกเร็ธ เบลที่ยังใช้ป่วนกองหลังได้อยู่เสมอ
ส่วนเดนมาร์กเป็นทีมที่เน้นเล่นรอจังหวะ อาศัยการเคาะครองบอลไปเรื่อยๆ เมื่อเจอช่องให้เจาะจึงจะลำเลียงบอลเข้าสู่แดนหน้าเพื่อหาจังหวะทำประตู ดังนั้นในเกมนี้เราจะได้เห็นเวลส์ครองบอลทางริมเส้นมากกว่า ส่วนเดนมาร์กจะครองบอลในแดนกลางของแผงมิดฟิลด์ได้เยอะกว่า ซึ่งทางเดนมาร์กจะฝากความหวังไปที่การจบสกอร์ของ ยุสซุฟ โพลเซ่น หัวหอกตัวความหวังจากอาเบ ไลป์ซิก
และเนื่องจากมาตรฐานการเล่นของทั้งสองทีมที่ใกล้เคียงกัน ทำให้ผลแพ้ชนะน่าจะขึ้นอยู่กับจังหวะทีเด็ดทีขาด ว่าใครสามารถส่งลูกบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้แม่นกว่ากัน ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะในที่สุด
สกอร์การแข่งขันที่คาด : เวลส์ ชนะ 1-0
อ่านข้อมูลวิเคราะห์บอลยูโรวันนี้ ได้ที่ วิเคราะห์บอลยูโร2020
อิตาลี vs ออสเตรีย
สนามแข่งขัน : เวมบลีย์, กรุงลอนดอน อังกฤษ
เวลา : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
ถ่ายทอดสด : NBT 2HD | True Sports HD3
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
ทีมชาติอิตาลี
20/06/21 : 1-0 เวลส์ (ยูโร 2020)
16/06/21 : 3-0 สวิตเซอร์แลนด์ (ยูโร 2020)
11/06/21 : 3-0 ตุรกี (ยูโร 2020)
04/06/21 : 4-0 สาธารณรัฐเช็ก (ฟุตบอลอุ่นเครื่อง)
28/05/21 : 7-0 ซาน มาริโน (ฟุตบอลอุ่นเครื่อง)
ทีมชาติออสเตรีย
21/06/21 : 1-2 ยูเครน (ยูโร 2020)
17/06/21 : 0-2 เนเธอร์แลนด์ (ยูโร 2020)
13/06/21 : 3-1 นอร์ท มาซิโดเนีย (ยูโร 2020)
06/06/21 : 0-0 สโลวาเกีย (ฟุตบอลอุ่นเครื่อง)
02/06/21 : 0-1 อังกฤษ (ฟุตบอลอุ่นเครื่อง)
สถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุด
อิตาลี 4 | เสมอ 1 | ออสเตรีย 0
26/03/86 : อิตาลี 2-1 ออสเตรีย (กระชับมิตรทีมชาติ)
25/03/89 : ออสเตรีย 0-1 อิตาลี (กระชับมิตรทีมชาติ)
09/06/90 : อิตาลี 1-0 ออสเตรีย (ฟุตบอลโลก)
23/06/98 : อิตาลี 2-1 ออสเตรีย (ฟุตบอลโลก)
20/08/08 : อิตาลี 2-2 ออสเตรีย (กระชับมิตรทีมชาติ)
วิเคราะห์ภาพรวมของทีม
อิตาลี – โรแบร์โต้ มันชินี่
เกมนี้ยังคงต้องรอเช็คความฟิตของ จอร์โจ คิเอลลีนี่ หัวใจในแนวรับของทีม สวนผู้เล่นที่เหลือฟิตเปรี๊ยะพร้อมลงสนาม มี จานลุยจิ ดอนนารุมมา ลงเฝ้าเสา แผงเกมรับสุดเก๋าโดยให้ เลโอนาร์โด โบนุชชี่ ยืนเซนเตอร์หลัก คุมกลางโดย มานูเอล โลคาเตลลี่ ที่กำลังฟอร์มดี ยิงไปแล้ว 2 ประตูในศึกยูโรหนนี้
จอร์จินโญ กับ นิโกโล บาเรลลา เป็นมิดฟิล์ดคอนโทรลเกม และสามประสานน่าจะเป็น ลอเรนโซ่ อินซิเญ่, โดเมนิโก้ เบราร์ดี้ และ อิมโมบิเล่
รูปแบบการเล่นของทีมอิตาลีชุดนี้ มาดีมาดุตั้งแต่แดนหลังยันแดนหน้า กองหลังเหนียวแน่นแข็งแกร่ง กองกลางผ่านบอลดี ไล่กดดันคู่แข่งอย่างดุเดือด แผงกองหน้าหาจังหวะจบสกอร์ได้อย่างโหดเหี้ยม เรียกว่าแกร่งทั่วแผ่นยิ่งกว่ากระเบื้องโอฬาร ดังนั้นเกมนี้เราจะได้เห็นการเปิดเกมบุก รุกเข้าใส่ออสเตรียตลอดทั้งเกมแน่นอน
ออสเตรีย – ฟรังโก โฟด้า
ขุมกำลังพร้อมสรรพ ไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่น น่าจะจัดชุดที่ดีที่สุดลงรับศึกใหญ่กับทีมมักโรนี นำโดย มาร์โก อาร์เนาโตวิช กองหน้าจอมเก๋าประจำทีม ตัวทีเด็ดอย่าง ซาซ่า คาลัดจ์ซิช ก็น่าจะได้ลงสนามเช่นกัน โดยมี คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์ และ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ประสานงานในเกมรุก
แผงมิดฟิลด์ คอนราด ไลเมอร์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, จูเลียน บอมการ์ตลิงเกอร์ ช่วยกันไล่แย่งบอลจากคู่แข่ง แดนหลังประกอบด้วย สเตฟาน ไลเนอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช และ ดาวิด อลาบา ที่เพิ่งเซนต์สัญญากับ เรอัล มาดริด สดๆ ร้อนๆ
นัดนี้โค้ช ฟรังโก โฟด้า รู้ว่ายังไงก็ถูกอิตาลีบุกปูพรมเข้าใส่แน่นอน จึงต้องขันเกมรับมาแน่นเป็นพิเศษ ด้วยการถอยแผงมิดฟิลด์ลงไปยืนช่วยเกมรับ อยู่หน้ากรอบเขตโทษของตนเอง แล้วอาศัยจังหวะโยนยาวเพื่อโต้กลับเร็วหวังสร้างเซอร์ไพรซ์
รูปเกมและผลการแข่งขันที่คาด
ออสเตรียเสียประตูทุกนัดในรอบแบ่งกลุ่มที่ผ่านมา แม้แต่แมตช์กับอัศวินสีส้มที่แพ็คเกมหลังมาอย่างแน่น ก็ยังไม่วายโดนเจาะได้ถึง 2 ประตู แสดงให้เห็นว่าแนวรับชุดนี้ยังไม่ดีพอจะรับมือกับเหล่าซุปเปอร์สตาร์ทีมใหญ่ ต้องอาศัยการตั้งรับแบบลึกสุดๆ แล้วหวังโชคช่วยจังหวะเข้าทาง โดยบอลแบบคิลลิ่งพาสไปให้กองหน้ามีลุ้นทำประตู
แต่การจะฝ่าปราการเหล็กของพลพรรคอิตาลีเข้าไป นับว่าเป็นงานหินสุดๆ เพราะจากผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม ที่ลูกทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ แสดงให้เห็นแล้วว่าแนวรับแน่นปึ้ก แถมยังมีดีพอที่กองหลังไม่ต้องดันสูงมากในเกมบุกอีกต่างหาก อาศัยแค่การประสารงานของมิดฟิลด์กับแดนหน้า ก็ฆ่าคู่แข่งตายเรียบ จึงเป็นปัญหาน่าปวดหัวสำหรับทีมวิหคเพลิงไม่น้อย ว่าจะหาช่องทำประตูได้อย่างไร
ส่วนทางด้านอิตาลี ไม่มีอะไรผิดคาดแน่นอน คือเริ่มเกมปุ๊บจะครองบอลบุกเข้าใส่ปั๊บ เพื่อพยายามยิงประตูขึ้นนำให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากเล่นยืดเยื้อถึงช่วยต่อเวลา โดยอาศัยการประสานงานผ่านบอลตามช่องในแผงมิดฟิลด์ รอจังหวะแดนหน้าวิ่งทะลุแนวรับ แล้วแทงทะลุช่องให้ อินซินเญ่. เบราร์ดี้ และ อิมโมบิเล่ ช่วยกันหาจังหวะทำประตู
สกอร์การแข่งขันที่คาด : อิตาลี ชนะ 2 – 0
อ่านข้อมูลวิเคราะห์บอลยูโรวันนี้ ได้ที่ วิเคราะห์บอลยูโร2020